รีวิวและวิจารณ์ฉบับเต็ม: A Big Bold Beautiful Journey (2025)

คะแนน IMDB (โดยประมาณ): (อิงจากผู้ใช้งานในช่วงแรก) 6.2 – 6.5 / 10 คะแนน Rotten Tomatoes (อิงตามนักวิจารณ์): 37% คะแนน Metacritic (อิงตามนักวิจารณ์): 42/100
ผู้กำกับ: โคโกนาดะ (Kogonada) ผู้เขียนบท: เซธ ไรส์ (Seth Reiss) นักแสดงนำ:
- คอลิน ฟาร์เรล (Colin Farrell) เป็น เดวิด (David)
- มาร์โกต์ ร็อบบี้ (Margot Robbie) เป็น ซาราห์ (Sarah)
- เควิน ไคลน์ (Kevin Kline) เป็น ช่างเครื่อง (The Mechanic)
- ฟีบี้ วอลเลอร์-บริดจ์ (Phoebe Waller-Bridge) เป็น แคชเชียร์ (The Cashier)
- โจดี้ เทอร์เนอร์-สมิธ (Jodie Turner-Smith) เป็น เสียง GPS
เรื่องย่ออย่างละเอียด (Plot Summary)
A Big Bold Beautiful Journey เป็นภาพยนตร์โรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าเรื่องราวการเดินทางอันแปลกประหลาดและเหมือนต้องมนตร์ของคนแปลกหน้าสองคนที่ต้องเผชิญหน้ากับ ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว ในอดีตของตนเอง
- จุดเริ่มต้นอันประหลาด: เดวิด (Colin Farrell) ชายหนุ่มที่ค่อนข้างเก็บตัวและไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวได้ และ ซาราห์ (Margot Robbie) หญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาแต่มีพฤติกรรม นอกใจเป็นประจำ (Chronically Unfaithful) ได้พบกันและเริ่มจีบกันในงานแต่งงานของเพื่อน แต่ต่างฝ่ายต่างบอกว่าตัวเอง “ไม่เก่งเรื่องความรัก”
- บริษัทเช่ารถปริศนา: โชคชะตาเล่นตลก เมื่อรถของเดวิดถูกล็อคล้อ เขาและซาราห์ต่างต้องไปเช่ารถจากบริษัทเช่ารถที่ดูผิดปกติอย่างยิ่ง ซึ่งมี แคชเชียร์ (Phoebe Waller-Bridge) และ ช่างเครื่อง (Kevin Kline) ผู้ลึกลับเป็นคนดูแล รถที่พวกเขาเช่าเป็นรุ่นเก่าที่มีระบบ GPS (พากย์เสียงโดย Jodie Turner-Smith) ที่เหมือนมีชีวิตและให้คำสั่งประหลาด
- การเดินทางสู่ประตูอดีต (Spoiler): GPS นำพาพวกเขาไปสู่การเดินทางตามท้องถนน และเข้าสู่สถานที่ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งมี ประตูวิเศษ (Magical Doorways) ปรากฏขึ้น ประตูเหล่านี้เป็น ประตูสู่ช่วงเวลาสำคัญในอดีต ของพวกเขา โดยมีจุดประสงค์ให้ทั้งสองได้เข้าไป ย้อนรำลึกและทำความเข้าใจ ต้นตอของปัญหาความสัมพันธ์ของตัวเอง
- การเผชิญหน้ากับ “ความย้อนแย้ง” (Spoiler):
- อดีตของซาราห์: ซาราห์เผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดต่อ ความตายของแม่ และการไม่ได้บอกรักเธอ รวมถึงความทรงจำเกี่ยวกับ พ่อที่เหินห่าง ประตูนำเธอไปยังฉากที่เธอหลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลเพราะไปมีสัมพันธ์กับอาจารย์มหาวิทยาลัย
- อดีตของเดวิด: เดวิดเผชิญหน้ากับปัญหาการ หนีความสัมพันธ์ และ ความกลัวความผูกพัน ประตูพาเขาไปในช่วงที่เขาสารภาพความรู้สึกกับเพื่อนร่วมแสดงบนเวที แต่ถูกปฏิเสธ และพาเขาย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เขายังเป็นเด็กวัยรุ่น เพื่อให้เขาในร่างปัจจุบันได้ให้ความสบายใจกับตัวเองในวัยเยาว์
- ความรักและการตัดสินใจ (Spoiler): การเดินทางที่แปลกประหลาดทำให้ทั้งสองเปิดใจและเผย “สัมภาระทางอารมณ์” ให้กันและกัน แม้ว่าพวกเขาจะต้านทานความรู้สึก แต่ก็เกิดความรักขึ้นระหว่างทาง
- จุดจบที่แท้จริง (Spoiler Full): หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่รถของพวกเขาถูกทำลายอย่างลึกลับ (ชนกวางที่ไหลออกมาเป็นเส้นด้าย) เดวิดและซาราห์แยกจากกัน แต่ GPS ของพวกเขานำทางไปยัง บ้านในวัยเด็ก เพื่อให้พวกเขาสามารถเติมเต็มความทรงจำที่ขาดหายไปกับพ่อแม่ของตน เมื่อเสร็จสิ้นการเดินทาง เดวิดไปคืนรถโดยบอกกับพนักงานเช่ารถว่าพวกเขาเป็นเหมือน “คนจับคู่เนื้อคู่” ในที่สุด ซาราห์ก็เปลี่ยนใจปรากฏตัวที่บ้านของเดวิด และประกาศความรักต่อกัน พวกเขาตัดสินใจที่จะก้าวเข้าสู่ประตูบ้านไปด้วยกันในฐานะคู่รัก
บทวิจารณ์เชิงวิพากษ์ (Critique)
A Big Bold Beautiful Journey ถูกมองว่าเป็นภาพยนตร์ที่มี แนวคิดที่น่าสนใจและทะเยอทะยาน (High Concept) แต่ ล้มเหลวในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์
- ปัญหาด้านเคมีนักแสดง (Chemistry): นี่คือประเด็นที่ถูกวิจารณ์มากที่สุด นักวิจารณ์และผู้ชมส่วนใหญ่ระบุว่า คอลิน ฟาร์เรล และ มาร์โกต์ ร็อบบี้ ขาดเคมีที่เข้ากันในฐานะคู่รัก แม้ว่าทั้งคู่จะมีเสน่ห์ดึงดูดส่วนตัว แต่ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องดู จืดชืด (Tepid) และไม่น่าเชื่อถือ หลายคนให้เหตุผลว่าการที่ซาราห์เป็นคน “ไม่ชอบผูกพัน” ทำให้เธอพยายามไม่สร้างเคมี ซึ่งหากเป็นจริง ก็ทำให้เรื่องราวโรแมนติกทั้งหมดนั้นถูกบั่นทอนลง
- ความตื้นเขินของปัญหา: แก่นของเรื่องคือการที่ตัวละครต้องเผชิญหน้ากับอดีต แต่ปัญหาของเดวิดและซาราห์ถูกมองว่า “ตื้นเขิน” และ “ไม่รุนแรงพอ” ที่จะต้องอาศัย “ปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาติ” (เช่น ประตูวิเศษ) มาแก้ไข นักวิจารณ์บางคนเหน็บแนมว่า ปัญหาของพวกเขาแก้ไขได้ด้วยการ เข้าพบนักบำบัดเพียงไม่กี่สัปดาห์
- สไตล์และเนื้อหาที่ขัดแย้งกัน: ภาพยนตร์ของ โคโกนาดะ มักมีสุนทรียภาพที่สวยงามและวิถีการสร้างหนังที่ตั้งใจใช้ โทนแฟนตาซีที่อ่อนโยน แต่บทภาพยนตร์ของ เซธ ไรส์ (Seth Reiss) กลับ ตรงไปตรงมาจนเกินไป และพยายามเน้นย้ำถึงแก่นเรื่องอย่าง “การเปิดใจ” (Let My Love Open the Door) ด้วยการพูดพร่ำและใช้บทพูดที่ฟังดู เสแสร้ง (Pretentious) ซึ่งทำให้ความรู้สึกที่ควรจะ “ยิ่งใหญ่ กล้าหาญ และสวยงาม” กลายเป็น น่าเบื่อและไม่น่าประทับใจ
- การออกแบบงานสร้างที่เป็นเอกลักษณ์: ในแง่เทคนิค ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามตามสไตล์โคโกนาดะ รวมถึงการออกแบบงานสร้างที่ แปลกประหลาด เช่น บริษัทเช่ารถที่ว่างเปล่า หรือกวางที่ถูกชนแล้วมี เส้นด้ายไหลออกมาแทนเลือด ซึ่งเพิ่มความรู้สึก เหนือจริง (Surreal) ให้กับเรื่องราว แต่ก็ไม่สามารถช่วยกอบกู้ความบกพร่องของเนื้อหาได้
- การแสดงสมทบ: การปรากฏตัวของ เควิน ไคลน์ และ ฟีบี้ วอลเลอร์-บริดจ์ ในบทบาทสั้นๆ แต่แปลกประหลาด ได้รับความสนใจ แต่บทของพวกเขาก็เป็นเพียงเครื่องมือเพิ่มความ “แปลก” ให้กับเรื่องเท่านั้น
ตัวอย่างหนัง
สรุป:
A Big Bold Beautiful Journey เป็นการทดลองทางแนวเพลงที่มีนักแสดงระดับแม่เหล็กและผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่ ไม่สามารถสร้างความผูกพันทางอารมณ์ หรือ เข้าถึงความลึกซึ้งทางปรัชญา ที่แนวคิดหลักต้องการได้ แม้จะมีช่วงเวลาที่สวยงามและซาบซึ้ง โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครกับพ่อแม่ แต่ภาพรวมของภาพยนตร์ดูเหมือนจะ ล่องลอยอยู่บนพื้นผิว โดยไม่กล้าดำดิ่งสู่แก่นแท้ของความเจ็บปวดและความรัก ซึ่งทำให้การเดินทางครั้งนี้ ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่กล้าหาญ และไม่สวยงามอย่างที่ชื่อเรื่องกล่าวอ้าง